2.1 เบื้องหลังของเล่นวิศวการน้อย


2.11 ตั้งคำถามชวนให้คิด

ในชั่วโมงคณิตศาตร์ มีนักเรียนชายที่ไม่สนใจเรียนยกมือขออนุญาต แล้วก็ยืนขึ้นถามว่า “อาจารย์ครับวิชาตรีโกณมิติ เรียนกันไปทำไม ไม่เห็นจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวันเลย” ข้าพเจ้าคิดอยู่ในใจ คุณแน่มาก กล้าถามคำถามนี้ นึกอีกที นักเรียนคนอื่น ๆ ก็จะคิดเช่นเดียว แต่ไม่กล้าถาม ข้าพเจ้าก็ตอบว่า “วิชาคณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ฝึกกระบวนการคิด” ข้าพเจ้าตอบสั้น ๆ ถ้าตอบยาวเขาคงฟังไม่รู้เรื่องเช่นกัน ข้าพเจ้าพยายามคิดวิธีอธิบายอย่างรูปธรรม ก็คิดไม่ออก คำถามเด็กค้างในสมอง ... ช่วงหนึ่งในความเป็นครูที่บ้านว่างมากไม่รู้จะทำอะไร จึงหยิบหนังสือเกมคณิตศาสตร์ของเพื่อนด็อกเตอร์คนหนึ่งมาดู แล้วเอากระดาษมาตัดตามเกม เป็นรูปตัว O I L T Z แล้วเล่นเกมตามนั้น ผลปรากฏว่าสนุกพอสมควร เกิดความคิดว่า ถ้าเอาประยุกต์แก้ไขก็น่าจะดีกว่านี้ จึงนำแบบกระดาษนี้มาวิเคราะห์ว่า ทำไมจะต้องเป็นรูปแบบนี้? เป็นรูปแบบอื่นได้หรือไม่? ขนาดใดจึงจะน่าเล่น การเล่นมีความหลากหลายเพียงใด? ในที่สุดก็คำนวณออกมาได้ลงตัว โดยสร้าง O I T Z L ใหม่ ในระบบ 3 มิติ รวมทั้งหมด 9 ชิ้น มีขนาด 36 ..หน่วย แยกตัวปรกอบได้ 6 x 6 x1 หรือ 2x6x3 หรือ 2x3x4 ครั้งแรกใช้กระดาษแข็งทำเป็นต้นแบบ พอลองเล่นก็สนุกพอควร คิดต่อไปอีกว่า เล่นแล้วได้อะไร? มีประโยชน์อย่างไร? ใครจะเล่น? จะทำด้วยวัสดุใด? จึงตัดสินใจ ทำตัวเกมทั้ง 9 เป็นไม้ กว่าจะทำตัวเกมแต่ละตัวได้ ต้องไช้เวลาหลายวัน ทำออกมา 2 ชุด นำผลงานไปให้นักเรียนเล่น นักเรียนชอบ คิดพัฒนาต่อเขียนหนังสือประกอบได้ 1 เล่ม

2.12 ฝันอยากรวยครั้งที่ 1

ความฝันเกิดขึ้น ฝันฟุ้งอยากรวย ได้เดินทางไปกระทรวงพาณิชย์ หาลายชื่อบริษัททอยทั่วโลก คัดเลือกมา 10 บริษัท ไหว้วานให้เพื่อนครู ช่วยร่างหนังสือภาษาอังกฤษเสนอขายลิขสิทธิ์ ยิ้มอยู่ในใจ ข้าฯรวยแน่! 3 เดือนผ่านไปเงียบหาย มีจดหมายจากประเทศอังกฤษ 1 ฉบับ ตอบมามีใจความว่า “บริษัทเรามีนักคิดอยู่แล้ว ขอให้ท่านจงโชคดี” ความฝันสูงสุดในชีวิตหล่นมาอยู่ใต้เท้า

2.13 ฝันอยากรวยครั้งที่2

สู้กันใหม่ ฝันว่า ถ้าเราทำด้วยไม้หลายแบบหลายเวอร์ชั่น นักลงทุนภายในประเทศไทยคงซื้อลิขสิทธิ์แน่ จึงขับรถยนต์ไปจังหวัดราชบุรี เพื่อจ้างโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ทำตัวเกมให้ พอถึงจังหวัดราชบุรี อำเภอบ้านโป่ง ก็เดินเข้าไปถามคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างว่า “คุณครับโรงงานไม้แปรรูปไปทางไหนครับ” ชายคนหนึ่งตอบว่า “ต้องจ้างนำทาง จึงจะพาไป” โอ้ ประเทศไทยแค่ยกนิ้วชี้นิดเดียว ก็เรียกเงินแล้ว ไม่ถามก็ได้ เดาสุ่มไปทางนี้ ในที่สุดก็พบโรงงาน จึงขอซื้อได้ไม้ตามต้องการหลายท่อน ข้าพเจ้าก็วานให้น้องชายช่วยตัดเป็นท่อนเล็ก ๆ เพื่อใช้กาวลาเท็กติดเป็นรูป O I L Z T สำเร็จจำนวนหนึ่ง ข้าพเจ้านำมาประกอบเป็นรูปทรงต่าง ๆ มากมายหลายสิบชุด ในใจคิดว่า “เราจะโชว์ให้ใครดู?” พอดีได้จังหวะมีงานกระทรวงศึกษาธิการ ณ.สนามศุภชลาสัย วันนั้นข้าพเจ้าตื่นแต่เช้านำผลงานออกไปโชว์ ฝันว่าคงมีใครต่อใคร มาชมแน่นอน โธ่! ทุกคนเดินผ่านบูธ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะสนใจเข้ามาถาม ข้าพเจ้าเศร้า “ ทำไมเราเพ้อ ผิดพลาดขนาดนี้

2.14 ได้จังหวะฝันอยากรวยครั้งที่3

ช่วงเสาร์-อาทิตย์ได้มีโอกาสสอนนักศึกษาผู้ใหญ่ที่โรงเรียน มีลูกศิษย์คนหนึ่งหน้าที่การงานของเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดของบริษัทแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้าเอาผลงานไปให้ดู เขาบอกว่าดี เดี๋ยวจะพาไปหาเจ้าของบริษัทของเขาให้ เจ้าของบริษัทชื่อ ช. พาข้าพเจ้าไปคุยกับเจ้าของโรงงานฉีดพลาสติก มีโครงการจะทำตลาด ถามว่าค่าความคิดจะเอากี่เปอร์เซ็นต์ ข้าพเจ้าตอบว่า 10 % ก็พอแล้ว เวลาผ่านไป 1 ปี เรื่องเงียบหาย ข้าพเจ้าบอกคุณช.ว่า ข้าพเจ้าทำตลาดเองนะ

2.15 ท้อหมดแรงฝัน

หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่โรงงานฉีดพลาสติก ตลิ่งชัน พี่สุนันท์ เป็นเจ้าของ ซึ่งพี่สุนันท์ก็เป็นนักคิด นักต่อสู้คนหนึ่งคงเข้าใจในความรู้สึกของข้าพเจ้าดี ให้กำลังใจข้าพเจ้า “อาจารย์ครับ ผมจะหานักลงทุนให้ อาจารย์ไม่ต้องกลัว สำเร็จแน่ ข้าพเจ้ายิ้มอย่างภาคภูมิใจ มีความหวังอีกครั้ง สวรรค์ยังไม่หมดความเมตตาได้มีประชุมกลุ่มนักลงทุน 4-5 คน 4 ครั้ง 1 ปีผ่านไปความผิดหวังกลับมาอีก เงียบสงบ ลมพัดเอื่อย ๆ ข้าพเจ้ามองไปที่ต้นแบบฉบับหนังสือเกม นึกถึงเสียงที่เขาพูดแว่ว ๆ ว่าเหตุผลที่ไม่ทำ เพราะ 1. ลงทุนสูง 2. ขายยาก 3. สินค้าราคาน้อย ไม่คุ้มกับค่าการตลาด ข้าพเจ้าก้มตัวลงหยิบหนังสือเกมวิศวกรน้อยขึ้นมาอย่างช้า ๆ ถังขยะอยู่นั่น ป่ารก ๆ อยู่นี่ จะทิ้งที่ไหนดี ตัดสินใจทิ้งถังขยะดีกว่า จะไม่เห็นซาก จะได้หยุดคิด ขณะเดินไปใกล้ถังขยะ ขอเปิดหนังสือเป็นครั้งสุดท้าย อาลัยคล้ายเปิดโลงศพ เปิดหนังสือได้ 2-3 หน้า ก็อดนึกถึงความยากในการวาดการเขียน แต่รูปที่ข้าพเจ้าเขียนนั้นใช้เวลานานหลายเดือน จนได้ 1 เล่ม ข้าพเจ้าต้องอดหลับ อดนอน อดเที่ยว มีใจจดจ่อกับหนังสือเล่มนี้มาก การโยนทิ้งตอนนี้มันง่ายไป น่าจะมีพิธีมากกว่านี้ สมองเริ่มมึน ขอหลับก่อน วันนี้ยอมแพ้ พรุ่งนี้ค่อยคิดกันใหม่ ตกดึกฝันแหลกลาน ลำดับเหตุการไม่ถูก คิดเป็นหวยก็ไม่ได้ คิดถึงตัวเอง เอ.... เราเป็นนักสู้มาหลายสนามแล้ว ต้องสู้ต่อไป

2.16 ตั้งหลักใหม่ ตั้งใจใหม่ ธรรมชาติช่วย ได้นักบุญช่วยคนที่1

เมื่อลำดับเหตุการณ์ ก็รู้ปัญหา เราคิดสะเปะสะปะเอง การจจะทำอะไรสำเร็จก็จะต้องเริ่มนับ1 การกระโดดข้ามไปนับ9 นั้นไม่ได้ หรือเกมวิศวกรน้อยที่เราคิดมากับมือ ถ้าเราไม่เล่นเกม ด่าน 1 ก่อน การกระโดดไปเล่นด่านสุดท้าย ก็ต้องผิดหวังเช่นกัน ต่อไปนี้เราจะต้องทำเอง โดยลงทุนเอง ขายเอง เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ข้าพเจ้าเดินเข้าหาพี่สุนันท์อีกครั้ง “พี่ครับผมจะลงทุนเอง พี่จะคิดเท่าไร? พี่สุนันท์มองหน้าข้าพเจ้า อ่านใจข้าพเจ้าออก เอ่ยออกมาว่า “อาจารย์การลงทุนนี้สูงนะอาจารย์มีเงินมากหรือ ข้าพเจ้านิ่งนึกอยู่ในใจ เราโชคไม่ดีที่เกิดมาจน เงินเดือนน้อย หนี้สินมาก ชาตินี้เราคิดจะทำอะไรไม่ได้เลยหรือ? สักครู่ก็ได้ยินเสียงพี่สุนันท์พูดเบา ๆ ว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมจะออกทุนให้ก่อน อาจารย์มีเงินเมื่อไหร่ก็นำมาใช้ผมก็ได้” ข้าพเจ้ายิ้มรีบตอบ “ตกลงครับพี่” สิ่งต่าง ๆ ที่เคยนิ่ง เริ่มสตาทร์เคลื่อนไหวอีกครั้ง พี่พาไปหาช่างทำโมล(แม่พิมพ์) หัวหน้าช่างท่าทางฉลาด บอกข้าพเจ้าว่า “แม่พิม์ที่จะให้ทำนั้นราคาประมาณหลายแสนบาทอาจารย์มีตลาดรองรับหรือยัง? เสี่ยงมากนะ! ปัญหามาอีกแล้ว ถ้าผิดพลาดขายไม่ได้ จะต้องค้างหนี้หลายแสน จะเอาเงินที่ไหนใช้หนี้ ขณะนั้นรายได้ 5,000 บาทต่อเดือน หนี้เก่าก็มากอยู่แล้ว ข้าพเจ้าก็เลยถามว่า “ถ้าทำแม่พิมพ์อย่างง่ายเพียง มีรูปชิ้นงาน 1 ลูกบาศก์หน่วยราคาเท่าไร เมื่อฉีดได้ชิ้นงาน จะนำมาต่อเชื่อมเป็น รูปเกมตัว I O L T Z หัวหน้าช่างตอบ “4 หมื่นบาท” ข้าพเจ้าพูดอย่างหนักแน่น “OK จัดการได้” ได้ยินเสียงช่างพูดต่อ “อาจารย์ ๆ กล่องใส่ตัวเกมอีก 2 แสนด้วยนะ” ข้าพเจ้าสะอึก OK ไปแล้วเดี๋ยวจะเสียหน้า วัดดวง อะไรจะเกิดก็ขอให้มันเกิด ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้หลบ

2.16 สู้กันใหม่ในด่านที่ 2 ครั้งที่ 1

ข้าพเจ้านึกอยู่ในใจว่า เราเป็นคนสร้างเกมวิศวกรน้อยให้คนอื่นเล่น แต่เวลานี้เกมค้าขายกำลังจะเกิดขึ้น “เกมขายวิศวกรน้อย” เป็นเกมภาคบังคับ..... คราวนี้เล่นคนเดียวแต่ด่านที่ 1 ผ่านไปแล้ว คือการสร้างตัวเกม ด่านที่ 2 คือการขายตัวเกม เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน แม่พิมพ์พร้อม เริ่มฉีดออกมาเป็นชิ้นงาน 1 ลูกบาศก์ หน่วย ข้าพเจ้านำมาต่อเป็นตัวเกม 9 ชิ้น มีหนังสือพร้อม แพ็คกิ้งสมบูรณ์ระดับหนึ่ง การขายเริ่ม จุดแรกที่นึกถึงคือโรงเรียน จากนั้นเดินเข้าไปหาโรงเรียนประถม พบครูเวร ข้พเจ้าบอกกับครูว่า “ผมจะนำเกมมาเสนอขาย ขอพบอาจารย์ใหญ่หน่อยครับ?” ครูเวรตอบว่า “อาจารย์ใหญ่ไม่ว่าง ฝากของไว้เป็นตัวอย่างก็ได้ ข้าพเจ้าตอบว่า “ขอบคุณครับไม่เป็นไร” เดินออกจากโรงเรียนไปอีกโรงเรียนหนึ่ง พอดีพบอาจารย์ใหญ่ ยกมือไหว้สวัสดีครับ ข้าพเจ้ายังทันเสนอสินค้าเลย เสียงดังจากอาจารย์ใหญ่ว่า “คุณมาทำไม? ที่นี่เป็นสถานที่ราชการ ขายของไม่ได้” “ครับ ๆ” ข้าพเจ้ารีบออกจากโรงเรียน คราวนี้ไปหาโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่มีชื่อเสียง ยิ้มในใจว่าถ้าโรงเรียนนี้ซื้อสินค้าเรา คงขายได้หลายชุด ข้าพเจ้าเดินไปตามทางที่โล่ง ๆ ไปพบครูเวร แล้วพูดว่า “ผมขอพบเจ้าของโรงเรียนครับ ท่านอยู่ไหน” ครูเวรชี้ “โน่นกำลังยืนอยู่” ข้าพเจ้าเดินเข้าไปหา ยกมือสวัสดี แทนที่ข้าพเจ้าจะพูดก่อน กลับถูกเจ้าของโรงเรียนพูดตัดหน้าว่า “คุณมาทำอะไร” ข้าพเจ้าตอบ “ผมจะขอเสนอ... ข้าพเจ้าพูดยังไม่ทันจบ ท่านก็บอกว่า “นี่คุณเข้ามาได้อย่างไร? ที่คุณเดินมานั่น เขาห้ามผ่าน โน่นทางออก... โอ้! การขายครั้งนี้จบไวถูกน๊อกกลางอากาศ

2.17 สู้กันใหม่ในด่านที่2ครั้งที่2

ด่านที่ 2 นี้ ผ่านได้ยาก เอาใหม่คิดใหม่ ใช้อินเวอรส์ เราเดินไปหาเขา 10 แห่งหมดกำลังใจทั้ง 10 แห่ง ถ้าเราอยู่กับที่ให้เขาเดินมาหาเรา 100 คน น่าจะมี 10 คนที่สนใจ เมื่อคิดได้แล้ว ก็เริ่มปฏิบัติการ งานสัปดาห์หนังสือณ.กระทรวงศึกษาธิการเริ่มขึ้น “ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “การออกงานครั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตัวเป็นพ่อค้า ซึ่งเราไม่ถนัด ขี้อาย จะทำอย่างไร? นึกขึ้นได้มีลูกศิษย์ ชั้นม. 5 เคยหารายได้พิเศษขายของตามห้างสรรพสินค้า จึงเข้าไปหา เด็กก็ยินดีขายของให้ข้าพเจ้า ปรากฏว่าวันแรกของงาน มีคนมาซื้อเพียงเล็กน้อย ข้าพเจ้ายืนดูอยู่ห่าง ๆ พอวันที่ 2 มีผู้ซื้อสนใจมากขึ้น ข้าพเจ้าตัดสินใจเข้าไปช่วยขาย เมื่อจบงาน ยอดการขายดีพอควร

2.18 เริ่มเห็นทางสว่าง

หลังจากนั้น ข้าพเจ้าคิดต่อไปว่า “ถ้ามีผู้เล่นมาก ก็น่าจะขายได้มาก เย็นวันนั้นข้าพเจ้าเหลือบไปเห็นโป๊ะไฟของหลอดนีออนชนิดใสซึ่งแตก ถูกทิ้งไว้ที่กองขยะข้างบ้าน ก็ลองเลือก นำมาตัดต่อเป็นรูปกล่องใส มีรูปทรงแบบต่าง ๆ 6 แบบ เพื่อให้ลูกค้าเล่น โดยนำตัวเกมทั้ง 9 มาใส่ ต่อมาไม่นานได้ข่าว งานวิทยาศาสตร์จะมีขึ้นที่ศูนย์ประชุมสิริกิตต์ ข้าพเจ้าเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่กระทรวงแล้วบอกว่า “ผมต้องการเสนอผลงานใหม่ มีพื้นที่บ้างใหม? เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบ “บูธเต็ม ขอดูผลงานหน่อย” ข้าพเจ้าหยิบออกมาจากถุงมาวางที่โต๊ะ ได้ยินเสียงพูด “อ๋อพลาสติกง่าย ๆ จะมีคนสนใจหรือ? จะเสียชื่องานหมด” ข้าพเจ้าก็หยิบกล่องด่านที่ 7 ยื่นให้ “แล้วบอกว่า

การเล่น โดยนำตัวเกม 9 ชิ้นนี้สามารถใส่กล่องทั้ง 7 ด่านได้ลงตัวพอดี ส่วนด่านที่ 7 นี้ต้องใช้เวลา 1 วัน ถ้า 1 ชั่วโมงคุณใส่ด่าน 7 ได้ผมยกให้คุณ เขาก็เริ่มเล่น 1 ชั่วโมงผ่านไป ทำไม่ได้ เขาบอกว่า เตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน ถ้าบูธว่างจะโทรบอก ก่อนวันเปิดงาน 1 วัน เจ้าหน้าที่โทรแจ้งบอกข่าวดี มีบูธว่าง 1 บูธ เป็นโต๊ะขนาด 60x90 ซม. ให้นำของมาโชว์ได้ ขายได้ งาน 3 วัน ที่บูธของข้าพเจ้ามีลูกค้ามามุงแน่นทั้ง 3 วัน ของขายหมด และมีการสั่งจองล่วงหน้าอีกหลายชุด

2.19 มีนักบุญช่วยแล้วคนที่ 2

ข้าพเจ้าดีใจมาก นำไปเล่าให้พี่สุนันท์ฟังและบอกกับพี่ว่าถ้าทำแม่พิมพ์กล่องใส คงจะช่วยให้การขายวิศวกรน้อยชุดเล็กดี พี่บอกว่า ก็สั่งทำแม่พิมพ์ได้เลย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้เริ่มขึ้น ต่อมาข้าพเจ้าได้ติดต่อกับบริษัทสื่อการเรียนการสอนเป็นบริษัทใหญ่ของไทย เจ้าของบริษัทคือ คุณวีรพงษ์ ท่านเป็นคนดีมาก เอาของเล่นวิศวกรน้อยไปช่วยขาย ซึ่งถ้าคิดในแง่ธุรกิจไปไม่รอด แต่ท่านก็ช่วยหาตลาด ทำการขายไปได้พอควร ข้าพเจ้ามีกำลังใจมากขึ้น ข้าพเจ้าไปติดต่อที่ศึกษาภัณฑ์ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกว่าไม่เห็นจะมีประโยชน์ตรงไหนเลย ที่ก็เต็ม ข้าพเจ้าก็ถอยหลังกลับ โทรติดต่อบริษัท ซีเอ็ดบุคส์ เจ้าหน้าที่รับสายถามว่ามาจากบริษัทอะไร ข้าพเจ้าบอกว่ายังไม่มีบริษัท เจ้าหน้าที่รับสายวางหูทันที ล้มเหลวอีกเช่นเคย

2.20 มีนักบุญช่วยแล้วคนที่ 3

ก็มีโอกาสออกงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ผลปรากฏว่าขายได้ดี เพราะข้าพเจ้าเปิดพื้นที่บูธให้ลูกค้าเล่นก่อนซื้อ อยู่มาวันหนึ่งลูกสาวท่านผู้ใหญ่บริษัทซีเอ็ดบุคส์มาเล่นเกมวิศวกรน้อยใช้เวลานาน คุณพ่อเรียกให้กลับก็ไม่ยอมกลับคุณพ่อจึงเข้ามาดูมองๆ สักพักก็บอกกับลูกน้องข้าพเจ้าว่า “มีพื้นที่ให้ขายถ้าสนใจติดต่อเบอร์โทรศัพท์นี้” เมื่องานสัปดาห์หนังสือสิ้นสุด ข้าพเจ้าติดต่อกับหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ได้รับการต้อนรับดีมาก วิศวกรน้อยจึงได้มีวางขายที่ซีเอ็ดบุคส์เซนต์เตอร์ ยอดขายไม่ดี

2.21 ช่วยตัวเองด้วย โดยสร้างเสน่ห์

กล่องกระดาษที่บรรจุของเล่น ข้าพเจ้าก็บรรจงออกแบบเอง วาดรูปเอง แต่งสำนวนข้อความอย่างดี ก็ยังไม่ได้ผล

ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าเอาของเล่นวิศวกรน้อยไปประกวดชิงรางวัลระดับชาติก็น่าจะทำให้คนรู้จักและคงขายดีแน่ จากนั้นข้าพเจ้าก็นำผลงานวิศวกรน้อย เข้าประกวดที่ศูนย์ประสานงานเยาวชนแห่งชาติ สยช. ปี 2536 ผลปรากฎว่าได้อันดับ 1 หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ส่งเข้าประกวดที่สภาวิจัยแห่งชาติ ปี 2538 คราวนี้งานใหญ่จะต้องทำรายงานให้คณะกรรมการมากมาย ก็ได้รับรางวัลชมเชย มีการสัมภาษณ์และออกทีวี จากนั้นวิศวกรน้อยก็เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น แต่ทุกวันนี้ขายได้ดี ไม่ใช่อยู่ที่รางวัล แต่ขายได้เพราะคุณค่าของวิศวกรน้อยที่ได้รับการบอกต่อๆ เท่านั้นเอง

2.22 อยู่ได้เพราะท่านช่วย

โชคดีที่ของเล่นวิศวกรน้อยเกิดขึ้นมาได้ เพราะได้รับการสนับสนุนจากหลายท่าน หลายฝ่าย ข้าพเจ้าคนเดียวคงทำไม่ได้ และขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นลูกค้าของข้าพเจ้า

2.23 อยากจะช่วยท่านบ้าง

แฟนพันธ์ุแท้ของข้าพเจ้ามีมากพอสมควร ถามข้าพเจ้าว่าประดิษฐ์สินค้าอะไรใหม่ๆ บ้าง ข้าพเจ้าคิดไม่ออก แต่เห็นว่าวิชาคณิตศาสตร์ จะฝึกกระบวนการคิดที่ดีที่สุด ยอมลงทุนด้วยเงิน ด้วยสมอง ด้วยความอดทน สร้างการ์ตูน เรื่องเจ้าแกละแสนฉลาด เปิดเว็ปไซด์สอนคณิตศาสตร์ฟรี โดยเอาชื่อ ธัญ เสรีรมย์เป็นประกัน

ที่เขียนเรื่องราวมามากมายเพราะอยากจะบอกเยาวชนรุ่นหลังๆ ว่า สัตว์ต่างๆ ธรรมชาติขีดเส้นให้เดิน แต่มนุษย์นั้นขีดเส้นเองเดินเอง ทุกอย่างทำสำเร็จได้ ถ้ามีกระบวนการคิดที่ดี ซึ่งต้องฝึกตั้งแต่เล็ก เพื่อให้คิดได้หลายๆ ชั้น มองได้หลายฉอด การเย็บผ้าก็เป็นการฝึกกระบวนการคิดที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง เช่นจะตัดเสื้อ 1 ตัวจะต้องคิดคำนวณหลายๆ ชั้น คิดแค่ชั้น 2 ชั้นนั้นไม่พอ ถ้าเย็บผิดก็ต้องยอม ถอยหลังเริ่มต้นใหม่ ผิดอีกก็ถอยอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าผลงานจะออกมาดี ได้เสื้อที่สวยงาม ใส่

จาก ธัญ เสรีรมย์